Thursday, February 12, 2009

อนุกรมของเหตุการณ์ (Series of Events)

หลายวันที่ผ่านมามีเพื่อนๆ ที่พิตส์เบอร์กเดินทางกลับเมืองไทยหลายคน และหลายๆ คนก็พบกับเหตุการณ์เครื่องบินดีเลย์หรือยกเลิก ผมก็มาเจอกับตัวเองจนได้ในวันนี้ (26 ธ.ค. 50) และขณะนี้ (12.55 pm. ET)

วันนี้มีแผนที่จะเดินทางไปเยี่ยมชิว เพื่อนที่มิชิแกน ก็จองตั๋วของ Northwest รอบ 9.55 น. เพื่อไปที่ดีทรอยต์ ตอนที่เช็คอินก็รู้แค่ว่าเครื่องดีเลย์ พอเข้ามาที่เกตเลยรู้ว่าเครื่องยกเลิก ก็เลยต้องต่อคิวเพื่อจัดไฟลท์ใหม่ ระหว่างนี้ก็เลยโทรไปหาชิวว่า อย่าพึ่งขยับตัว เพราะว่าชิวจะขับรถมารับจาก Lansing

สำหรับผมซึ่งบินตรงไปที่ดีทรอยต์เลยก็คงจะไม่วุ่นวายเท่าไหร่ แต่ว่าคนที่จะต่อเครื่องไปทรานสิตที่อื่นนี่คงวุ่นวายมาก เพราะต้องจัดไฟลท์ใหม่ทั้งหมด ใช้เวลารอคิวนานมากเพราะว่ามีหลายคนที่ต้องต่อเครื่องที่ดีทรอยต์ ระหว่างที่รอมาซักสองสามชั่วโมงก็เลยคิดอะไรเรื่อยๆ เปื่อยๆ

  • แวบแรกที่รู้ว่าต้องคิวรอก็คิดไปว่าเมื่อกี้น่าจะรีบเดินมาที่เกตเลย ไม่น่าแวะรอต่อคิวซื้อขนมปังกับนมที่ Au Pon Pain เลยไม่งั้นคงได้คิวต้นๆ กว่านี้
  • เห็นเกตข้างๆ ซึ่งเป็นเครื่องของ Northwest ที่ไปดีทรอยท์เหมือนกัน แต่ว่าเครื่องออกตอน 8.56 น. กำลัง Boarding อยู่ ก็เลยคิดว่า ตอนนั้นน่าจะจองไฟลท์นี้ ไม่งั้นป่านนี้ก็ได้เดินขึ้นเครื่องไปแล้วเพราะยังไงก็มาทันเวลา ที่ผมจองไฟลท์ 9.55 น. ก็เพราะว่ารู้มาก่อนว่าวันที่ 25 จะมีปาร์ตี้ที่บ้านพี่คิม ซึ่งคาดว่าก็คงจะเลิกดึก เลยคิดว่าจองไฟลท์สายๆ หน่อย น่าจะไม่ต้องทรมาณและเสี่ยงกับการตื่นสาย
  • หลังจากนั้นก็คิดย้อนไปอีกว่ารู้อย่างนี้น่าจะบินเมื่ออาทิตย์ที่แล้วและกลับมาตอนวันที่ 25 ก็ยังทันปาร์ตี้คริสต์มาสเพราะตอบตกลงว่าจะไปนานแล้ว แต่ว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วต้องตรวจข้อสอบและกลัวว่าจะไม่ทันก็เลยไม่อยากจองไฟลท์ช่วงนั้น แต่จริงก็ตรวจทันและเสร็จตั้งแต่วันที่ 20
  • หลังจากได้จัดไฟลท์ใหม่แล้วปรากฏว่าได้ไฟลท์ตอน 15.00 น. เพราะว่าไฟลท์ตอนเที่ยงเต็ม ก็เลยคิดย้อนซ้ำไปเหตุการณ์แรกว่า ไม่น่าเลยจริงๆ ที่ไปแวะซื้อขนมปังไม่งั้นป่านนี้อาจได้ไฟลท์รอบเที่ยงไปแล้ว เพราะอาจจะมีที่เหลือถ้าเรามาเร็ว
  • หลังจากนั้นก็โทรบอกชิวว่าเครื่องบินเลื่อนไปตอนบ่ายสาม ระหว่างนั้นชิวบอกว่าดูลิเวอร์พูลอยู่ตอนนี้นำดาร์บี้ซึ่งเป็นทีมท้ายสุดของตารางไปแล้ว 0-1 โดยตอเรส ผมคิดไว้ก่อนว่านัดนี้คงสบายๆ เพราะนัดก่อนชนะในบ้านไปตั้ง 6-0 ตอนแรกที่รู้ว่าต้องบินในช่วงเวลาที่แข่งก็คิดว่าไม่ดูก็ไม่เป็นไร คงชนะสบายๆ ที่ไหนได้ ถ้าไม่ได้ดูคงเสียดาย (แต่ถ้าแลกกับการที่ไฟลท์ไม่ยกเลิกก็ยอมไม่ดูนะ) เพราะว่ากว่าจะได้ประตูชัยก็นาทีที่ 90 จากเจอร์ราด
  • หลังจากดูจบก็คิดไปไกลๆ อีกว่า ถ้าฤดูกาลที่แล้วซื้อตอร์เรส น่าจะชนะมิลานได้ในนัดชิงและคงได้แชมป์ยุโรปไปแล้วเสียดายที่ไม่ได้ซื้อมา

จากเพียงแค่เหตุการณ์ไม่กี่ชั่วโมงที่ผมรอเครื่องบิน ทำให้ผมคิดอะไรหลายๆ อย่างซ้ำซากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว จบไปแล้ว และตัดสินใจไปแล้ว ทั้งที่มันไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ได้ และถึงผมจะย้อนไปแก้ไขการตัดสินใจได้ มันก็อาจจะไม่เกิดผลอย่างที่คาดไว้ก็ได้ เพราะว่าก่อนที่ผมจะตัดสินใจในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผมก็คาดหวังกับผลที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว ซึ่งเคยเขียนไว้แล้วในเรื่อง “Structural model สำคัญอย่างไรในการสร้างแบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์”

เพียงแต่เพราะว่าเรามีชีวิตอยู่บนโลกที่ไม่มีความแน่นอน (Stochastic World) อะไรที่เกิดขึ้นจะมีความแน่นอนที่สุดก็หลังจากที่มันได้เกิดขึ้นไปแล้ว ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนไปจากที่เราคาดหวังได้ แม้แค่เสี้ยววินาที่ก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่นการเชียร์ลิเวอร์พูลเมื่อกี้นี้ ซึ่งผมคิดว่าเสมอชัวร์ๆ เพราะเล่นกันไม่ดีเลย แต่ว่าก่อนหมดเวลาไม่กี่นาทีก็ชนะไปจนได้

เคยอ่านจากหนังสือเล่มหนึ่งที่เปรียบว่าเรื่องพลาดผิดที่ได้ทำไปแล้วก็เหมือนการทำนมหกลงพื้น เราก็ไม่ควรไปอาลัยอาวรณ์กับมันอีก เพราะมันเอาคืนมาไม่ได้ ที่ผิดพลาดไปก็เหมือนกับเป็นครูสอนให้จำไม่ทำพลาดอีก แต่บางทีสำหรับผมก็มีครูคนใหม่มาสอนวิชาเดิมๆ ซ้ำอยู่เรื่อยเพราะไม่ค่อยจำซักที

(Spoil) หลายวันก่อนได้ดูหนังเรื่อง If Only (2004) ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับคู่รัก ซึ่งชายหนุ่มก็รักแฟนของตัวเองแต่ก็ยังขาดความเข้าใจ และแล้ววันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเสียแฟนสาวไป เขาเสียใจมาก และหลับไปหลังจากได้อ่านไดอารี่ของแฟนซึ่งทำให้เขาเข้าใจเธอมากขึ้น รุ่งเช้าเขาตื่นขึ้นมาและพบว่าเขาตื่นขึ้มในตอนเช้าของเมื่อวันก่อน และหญิงสาวก็ยังมีชีวิตอยู่ เขาพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมื่อวาน และใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด แม้ว่าท้ายที่สุดจะไม่สามารถควบคุมและแก้ไขเหตุการณ์ได้ แต่วันเวลาแค่วันเดียวก็ทำให้เขาเข้าใจความรักของตัวเองอย่างลึกซึ้งและคลายปมทุกอย่างที่ค้างคาในใจระหว่างกัน

Ian: “I loved you since I met you, but I wouldn't allow myself to truly feel it until today. I was always thinking ahead, making decisions soaked with fear... Today, because of you... what I learned from you; every choice I made was different and my life has completely changed... and I've learned that if you do that, then you're living your life fully... it doesn't matter if you have five minutes or fifty years. Samantha if not for today, if not for you I would never have known love at all... So thank you for being the person who taught me to love... and to be love.”

วันนี้ถ้าสามารถทำอะไรที่ดีกับคนที่คุณรักได้ ทำมันให้ดีที่สุดและรู้ถึงคุณค่าของสิ่งที่คุณมีอยู่

(เขียนเมื่อ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๐)

No comments:

Post a Comment