Sunday, April 26, 2009

ความหมายในรูปถ่าย

ผมเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “รูปหนึ่งรูปความหมายเทียบเท่ากับคำเป็นพันๆ คำ” ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ไม่ได้เกินความเป็นจริงไปเลย และรูปหนึ่งรูปกับคนหนึ่งคน ก็อาจมีความหมายต่างจากพันๆ คำของคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ได้ดูรูปเดียวกัน

.........

สองวันก่อน และวันนี้ (๒๖ เมษายน ๒๕๕๒) ได้มีโอกาสไปถ่ายรูปกับเพื่อน และพี่ๆ ที่จบการศึกษา ซึ่งวันนี้ก็นับเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในชีวิต หลังจากที่ลำบากตรากตรำกันมานาน วันนี้เป็นวันที่แสดงให้ทั้งผู้จบการศึกษาเองและคนอื่นๆ ได้เห็นถึงผลของความพยายามที่ผลิดอกออกผลให้ชื่นชม

นอกจากนั้นการถ่ายรูปเพื่อแสดงความยินดีกับเพื่อนฝูงหรือคนสำคัญของเรา ยังแสดงถึงความรู้สึกร่วมต่อความสำเร็จ และจุดเริ่มต้นสำคัญอีกจุดหนึ่งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นงานจบการศึกษา งานแต่งงาน หรือแม้แต่งานเลี้ยงในโอกาสต่างๆ

วันนี้ในขณะที่ผมถ่ายรูปกับเพื่อนๆ อยู่ ก็เห็นบัณฑิตชาวต่างชาติ คาดคะเนด้วยสายตาแล้วก็น่าจะอายุประมาณสี่สิบกว่าปี ที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ ทั่วไป ก็คือเธอคนนี้จูงสุนัขมาด้วย เป็นสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์สีดำ ซึ่งเธอคนนี้ตาบอด และสุนัขตัวนั้นก็คือสุนัขนำทางของเธอนั่นเอง

เธอก็มาถ่ายรูปเหมือนบัณฑิตคนอื่นๆ ทั่วไป มีเพื่อนฝูงญาติพี่น้องมาร่วมยินดีด้วย ซึ่งความรู้สึกหลายอย่างก็เกิดขึ้นในจิตใจผมเมื่อได้เห็นเธอคนนี้ อย่างแรกก็คือรู้สึกยินดีกับเธอด้วย ที่แม้ว่าเธอจะมีความพิการทางสายตา แต่ก็สามารถฟันฝ่าจนจบการศึกษามาได้

ความรู้สึกที่ได้เห็นเธอตอนถ่ายรูปนั้น รูปแรกเธอถ่ายคู่กับสุนัขนำทางของเธอ ซึ่งสีหน้าเธอมีความสุข และเจ้าสุนัขตัวนั้นก็นั่งอยู่ข้างๆ เธออย่างเรียบร้อย ในความรู้สึกของผมต่อภาพที่เห็นนั้นเหมือนกับรูปที่เธอถ่ายกับเพื่อนคู่ทุกข์คู่สุข ซึ่งมีส่วนร่วมของความสำเร็จของเธอเช่นกัน ส่วนรูปอื่นๆ เธอก็ถ่ายกับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเธอ หน้าตาของทุกคนในรูปถ่ายมีความสุข

ผมคิดว่าเธอคงไม่มีโอกาสที่จะได้มองเห็นรูปถ่ายเหล่านั้น ที่เธอถ่ายกับญาติพี่น้องเพื่อนฝูง และเจ้าสุนัขเพื่อนยาก ผมก็มีความรู้สึกสุขระคนเศร้าบ้างที่คนในรูปถ่ายเองไม่มีโอกาสได้เห็นว่าภาพที่ถ่ายออกมาเป็นอย่างไร รูปของเธอในชุดครุยสวยแค่ไหน แต่ว่าผมรู้สึกได้ว่าเธอมีความสุขกับการถ่ายรูป จากรอยยิ้มของเธอที่จะปรากฎในรูปเหล่านั้น...

สิ่งที่เห็นเหล่านั้นทำให้ผมได้คิดว่าความหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่งในรูปถ่ายนั้นคือ ความระลึกถึง ... ไม่ใช่การระลึกถึงตัวเราเองอย่างเดียว แต่เป็นความระลึกถึงสถานที่ และระลึกถึงคนสำคัญที่มีความรู้สึกร่วมกันในเหตุการณ์ต่าง ไม่ว่าจะใหญ่ หรือเล็ก สุขหรือเศร้า

บางทีความหมายของภาพถ่ายนั้นไม่ได้อยู่ที่ว่าภาพนั้นมีลักษณะอย่างไร สวย คมชัดแค่ไหน แต่ว่าความหมายที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ความตั้งใจ และความรู้สึกที่ก่อให้เกิดภาพนั้นขึ้นมา

รูปถ่ายบางรูปถ้ามองด้วยตาแต่ไม่ได้สัมผัสด้วยใจ ไม่มีความระลึกถึง เรื่องราว บุคคล รูปถ่ายนั้นมันก็คงไม่มีความหมาย เหมือนคำว่า “บอดที่ใจมองไปเท่าไรไม่เห็นความงาม” จากเพลง “ต้นชบากับคนตาบอด” ของวงเฉลียงนั่นเอง

ขอแสดงความยินดีกับเพื่อน และพี่ๆ ที่จบการศึกษาครับ

Wednesday, April 8, 2009

จำ

ประมาณสองอาทิตย์ก่อนได้ดูรายการ Nightline ของสถานี ABC ซึ่งได้นำเสนอเรื่องของคนที่มีความจำพิเศษต่อเรื่องราวในอดีต (Super autobiographic memory) ซึ่งมีความสามารถในการจดจำเรื่องราวต่างๆ ในอดีตได้อย่างแม่นยำเหมือนถ่ายวีดีโอเก็บเอาไว้ เพียงแค่บอกวันที่ เขาก็จะบอกได้ว่าวันนี้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งในประเทศสหรัฐฯ พบบุคคลที่มีความสามารถนี้นับถึงขณะนี้มีจำนวน 4 คน

น่าสนใจว่าคนเหล่านี้ 3 ใน 4 ถนัดซ้าย อีกหนึ่งคนก็มีแนวโน้มที่จะถนัดซ้ายแต่ใช้มือขวาเขียนหนังสือ และคุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างก็คือ คนเหล่านี้เป็นคนที่ชอบเก็บสิ่งของ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยคนเหล่านี้ ยอมรับว่าเป็นเรื่องลึกลับที่คนจะมีความสามารถในการจดจำได้ขนาดนี้ ราวกับว่าความทรงจำนั้นมีความจุที่ไม่จำกัดก็ว่าได้

.................................................

จริงๆ แล้วผมว่าเราทุกคนก็มีความทรงจำประเภทนี้ เพียงแต่ว่าเราจะจำเรื่องที่มีความสำคัญต่อเราเท่านั้น แต่บุคคลพิเศษที่กล่าวถึงนั้น เขาจดจำทุกเรื่องราว เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับคนรอบข้าง

สำหรับคนเหล่านี้ผมคิดว่ามันคงเหมือนกับกล้องวีดีโอที่ถ่ายภาพเก็บไว้โดยอัตโตมัติ ในสมองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ต่างจากการท่องจำที่เราเคยชินมาตั้งแต่เด็ก ที่บังคับให้จำลงในสมองให้ได้ ซึ่งก็มีคนที่มีความสามารถพิเศษด้านนี้ที่เราเคยได้พบตามข่าวเช่นกัน อย่างเช่น จำเบอร์โทรศัพท์ได้หลายร้อยเลขหมาย

การที่มีความสามารถจำรายละเอียดของทุกเหตุการณ์ได้ ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่สร้างทุกข์หรือสุขให้กับชีวิตกันแน่ ก็คงขึ้นอยู่กับว่า “จำ” ได้ในเรื่องใด

เมื่อลองเปิดพจณานุกรมดู คำว่า “จำ” นั้นมีหลายความหมาย ความหมายแรกก็คือ การระลึกได้ แต่อีกความหมายถัดมาก็คือ การลงโทษด้วยวิธีเอาโซ่ล่ามเอาไว้ เช่น การจำคุก เมื่อกล่าวถึงความทรงจำแล้ว ผมว่ามันก็มีความหมายทั้งสองแบบ อย่างแรกก็คือ ความทรงจำทำให้เราระลึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และอย่างที่สองก็คือ เราก็ถูกจองจำไว้กับเหตุการณ์นั้น ผูกติดความคิดไว้กับเรื่องราวนั้นๆ

.............................................

จำได้ว่าตอนนัดพบกับเพื่อนตอนมัธยมเมื่อปลายปีที่แล้ว ทุกคนซึ่งไม่ได้เจอกันนานต่างยกแต่เรื่องเก่าๆ ขึ้นมาคุยกัน จนเพื่อนคนนึงก็บอกว่า “พวกเราคงแก่แล้ว เพราะคุยกันแต่เรื่องเก่าๆ แต่ถ้าถึงขนาดจำกันไม่ได้ว่าจะคุยกันเรื่องอะไรเนี่ย แสดงว่าแก่มากๆ แล้ว”

เคยดูการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง คือ Mushishi ในตอนหนึ่งที่มีบทสนทนาที่ประทับใจผม ซึ่งมีเนื้อหาประมาณว่า “การลืมเรื่องบางเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่เจ็บปวด แต่ที่เจ็บปวดก็คือการที่เราจำไม่ได้ว่าเราได้ลืมอะไรไปบ้าง”

อ้างอิง http://abcnews.go.com/Nightline/story?id=7075443&page=1

ปล. ได้อ่านข่าวเมื่อหลายปีก่อนเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษในการจำหมายเลขโทรศัพท์ได้หลายร้อยเลขหมาย ซึ่งหน้าข่าวนี้มีช่องที่ให้พิมพ์แสดงความคิดเห็น ก็มีรายหนึ่งพิมพ์ว่า “วันเกิดเมีย กูยังจำไม่ได้เลย....ลงชื่อ ผัวเลว”

Wednesday, April 1, 2009

พลาด พลาด พลาด

วันนี้ตั้งใจว่าจะตัดผม โดยใช้แบตตาเลี่ยนที่เคยใช้ตัดประจำ ซึ่งจะมีคลิปที่กำหนดความยาวผมมาด้วย ตัดไปตอนแรกๆ ก็โอเคอยู่ แต่รู้สึกว่ามันจะฝืดๆ ก็เลยถอดคลิปออก แล้วหยอดน้ำมัน
ปรากฎว่าลืมใส่คลิปเข้าไป ก็เลยโกนด้วยแบตตาเลี่ยนเปล่าๆ ไปครึ่งหัว ซึ่งแก้ไม่ได้ด้วยเพราะว่ากลางหัวพอดี เลยต้องจำใจโกนหมดทั้งหัวไปเลย เป็นข้อเตือนใจอย่างดีว่าทำอะไรควรจะมีสติ