Thursday, February 12, 2009

สามตัวร้อย

สามตัวร้อยนี่ถ้าได้ยินลอยๆ ก็คงเข้าใจว่าเป็นราคาของขายตามตลาด เช่น กางเกงใน ปลาทู (ไม่รู้ว่าแพงหรือถูกกว่านั้นนะ) หรืออาจเป็นลูกหมา (ก็คงจะถูำกไป) แต่ไอ้คำว่า “สามตัวร้อย” ที่ผมพึ่งได้อ่านเจอมา มันมาจากการที่เพื่อนคนหนึ่งเอาไปโพสท์ไว้ในเวบบอร์ดของกลุ่มเพื่อนใน hi5
เรื่องของเรื่องก็คือว่าก็มีการโพสท์อวยพรวันเกิดให้เพื่อนที่เกิดเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา (พ.ค.) เนื่องจากว่าเพื่อนในกลุ่มของผมเกือบทุกคนก็อายุขึ้นต้นด้วยเลขสามกันแล้ว ก็เลยมีอีกคนมาโพสท์ว่า “ไอ้พวก 3 ตัว 100” แล้วก็มีอีกคนโพสท์ตามมาว่า “อย่าให้กูเจอที่ (ร้าน) นั่งเล่นตอนพวกเมิงเป็น 2 ตัว 100 ละกัน” จากนั้นก็มีอีกคนมาโพสท์ว่า “อีกซักสิบปีต่อจากนี้ อาจเจอ... (ขอสงวนนาม) ยืนย้วยคุยกะพวก 4 ตัว 100 อยู่ .. ก็เป็นไปได้”

ผมติดใจคำว่า “สามตัวร้อย” นี้มาก เพราะว่ามันจะว่าถูกก็ถูก สำหรับบางอย่าง จะว่าแพงก็ได้สำหรับของบางอย่าง (แต่เท่าทีรู้น้ำมันที่เมืองไทยเกิน 3 ลิตร 100 แล้ว) ซึ่งมันเข้ากันได้ดีสำหรับชีวิตในช่วงอายุนี้เหมือนกัน จะว่าดีก็ดีบางเรื่อง จะว่าแย่ก็มีหลายเรื่อง ทำให้รู้่ว่าการย่างเข้าอายุ 30 ปีนั้น ก็ไม่ได้ยากลำบากเลือดตากระเด็น แต่ก็ไม่ได้ง่ายราบรื่นไปซะทุกเรื่อง ก็เหมือนๆ กับช่วงชีวิตวัยอื่นๆ ที่ผ่านมาแล้ว แต่่ว่า ณ หลักกิโลเมตรที่ 30 นั้น ก็ถือเป็นจุดที่มองกลับไปเห็นอะไรที่ผ่านมาได้หลายๆ อย่าง และมองไปข้างหน้าก็เิริ่มเห็นอะไรที่จะเกิดขึ้นได้ชัดเจนในบางเรื่อง

ในวัย ณ ปัจจุบัน ก็นับว่าได้เรียนรู้อะไรในหลายๆ เรื่อง มีการสะสมข้อมูลในการตัดสินใจมากขึ้น แต่บางทีการมีข้อมูลที่มากขึ้้นก็มีผลเสียคือ ทำให้ “คิดมาก” บางทีก็คิดมากไปซะจนไม่ได้ตัดสินใจ จนเมื่อถูกบีบด้วยเวลาจึงได้ตัดสินใจอย่างไม่ค่อยมีทางเลือกเท่าไหร่ นี่นับเป็นข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดระหว่างการตัดสินใจในช่วงวัยรุ่นถึงวัยรุ่นตอนปลาย (ช่วงที่ยังเป็น 5 ตัว 100 อยู่) ช่วงนั้นไม่ต้องคิดเยอะในการตัดสินใจ มองข้างหน้าและข้างหลังไปสั้นๆ แต่ ณ ปัจจุบัน มองข้างหลังไปเยอะ (ไม่รู้เพราะมีข้อมูล Historical data มากไปหรือเปล่า) และก็มองข้างหน้าไปไกลกว่าแต่ก่อนมาก

ถ้าจะบอกว่าวัยรุ่นเป็นวัยที่ว้าวุ่นและสับสน ผมก็รู้สึกได้ว่าตัวเอง ณ วัย 30 ก็ยังคงเหมือนวัยรุ่นที่ว้าวุ่นและสับสนอยู่เหมือนกัน แต่เหตุผลหลักคงไม่ใช่การขาดประสบการณ์ หรือวุฒิภาวะทางอารมณ์ แต่เป็นเพราะการมองโลกที่มันซับซ้อนยุ่งเหยิงมากขึ้น มีการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันไปทุกเรื่องจนประมวลผลแทบจะไม่ออก ประสบการณ์ที่สูงขึ้นมาพร้อมกับภาระที่มากขึ้นเป็นลำดับ ถ้าจะตั้งเป็นชื่อหนังก็คงได้ประมาณว่า “หนุ่มใหญ่ หัวใจ (ยัง) ว้าวุ่น”

ส่วนทางด้านกายภาพก็นับว่ายังไม่แย่มาก ยังสามารถเล่นฟุตบอลและกีฬาชนิดอื่น กับพวก “5 ตัว 100” หรือ “4 ตัว 100” ได้ แต่ว่าความทนทานจะหายไปหน่อย เวลาเล่นฟุตบอลถ้าเร่ิงสปีดมากๆ ก็จะต้องยืนหอบประมาณสองสามนาที กว่าจะวิ่งได้ต่อ วัยขนาดนี้ถ้าเป็นนักฟุตบอลอาชีพก็ถือว่าเป็นช่วงปลายของอาชีพค้าแข้งแล้ว ต้องเตรียมผันตัวไปเป็นตัวสำรองอดทนหรือผู้จัดการต่อไป เพื่อนในกลุ่มที่รุ่นราวคราวเดียวกันก็หันไปเล่นกีฬาชนิดอื่นกันแล้ว เช่น กอล์ฟ เนื่องจากเล่นฟุตบอลกันไม่ไหว เนื่องจากต้องใช้คนมาก นัดกันลำบาก และเหนื่อยเกินไป

ส่วนเพื่อนในกลุ่มที่เมืองไทยซึ่งมีประมาณยี่สิบคน ก็มีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา สี่ห้าคนก็แต่งงานไปแล้ว สองคนกำลังจะแต่ง สองคนมีลูกไปแล้ว ส่วนใหญ่ทำงานเอกชน สามคนรับราชการ บางคนติดเกมส์ออนไลน์ อีกหนึ่งคนยังคงเป็นนักเรียนโข่ง ก็หวังว่าชีวิตคงจะไม่แย่เกินไปเมื่อเรากลายเป็น พวก “2 ตัวครึ่ง 100” หรือ “2 ตัว 100” แต่ก็คงไม่หวังว่าชีวิตจะอยู่ยาวไปจนถึง “ตัวละ 100”

(เขียนเมื่อ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๑)

No comments:

Post a Comment