Tuesday, March 31, 2009

ท้องอืด

สองสามวันที่ผ่านมามีอาการท้องอืด ทรมานและรำคาญมากเพราะว่ารู้สึกอึดอัด วันทั้งวันกินอาหารไปนิดเดียวแต่ก็ไม่รู้สึกหิวข้าวเลย คาดว่าสาเหตุคงมาจากวันหนึ่งที่กินข้าวเย็นเสร็จแล้วไปนอนเล่นเกิดเผลอหลับไปสองสามชั่วโมง ตื่นมาก็รู้สึกว่าอาหารไม่ย่อย

ก็กินยาไปหลายขนานไม่ว่าจะเป็นยาไทย เช่น ยาธาตุ หรือยาฝรั่ง เช่น อีโน และยาที่ซื้อที่นี่ที่คล้ายยาธาตุน้ำขาว ที่ฉลากมีเขียนไว้ว่าแก้ได้สารพัดทั้งลดกรด ท้องอืด และท้องเสีย แต่ผมชอบที่เขียนไว้ว่าแก้อาการ “upset stomach” คือ อ่านแล้วมันเห็นภาพเลยว่ามัน น่าผิดหวังจริงๆ

ท้องอืดก็มีข้อดีอย่างหนึ่งคือ ไม่ค่อยหิว ก็ไม่ค่อยได้กินอะไรเท่าไหร่ กินแต่พวกย่อยง่ายๆ เหมือนว่าต่อมส่งความหิวมันหายไปซะงั้น คุยกับอาจารย์ที่อยู่ห้องติดกัน แกก็แนะนำให้ซื้อพวกยาลดกรดมากิน แกบอกว่าถึงวัยแล้วล่ะ ที่จะเกิดกรดไหลย้อน เพราะหูรูดกระเพาะมันปิดไม่สนิท

ลองหาข้อมูลในเนทก็พบว่าก็พบว่าเป็นอาการปกติของคนอายุมาก ทำให้นึกขึ้นได้ว่าเราก็อายุมากพอสมควรแล้ว แต่เนื่องจากใจยังเด็ก (โม้นิดหน่อย) จึงไม่ค่อยคิดว่าตัวเองอายุมากขึ้นทุกวัน ต้องรอสังขารมาเตือน อย่างเช่นอาการท้องอืดเป็นต้น

ตอนเด็กๆ ก็เป็นไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร ที่จำได้แม่นๆ ก็คือช่วงตรุษจีน ตอนนั้นท้องอืดเนื่องจากกินขนมเทียนมากเกินไป ซึ่งมูลเหตุมาจากการที่ผมต้องการกินขนมเทียนไส้หวาน แต่ว่าเปิดใบตองมาทีไรก็เจอแต่ไส้เค็ม ในเมื่อแกะออกมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ กินไส้เค็มไปเกือบสิบอัน ก็ยังไม่เจอไส้หวานเสียที มารู้ตอนหลังว่าในถาดนั้นมีแต่ใส้เค็ม เมื่อกินเข้าไปเยอะขนาดนั้น ก็ท้องอืดตามคาด เป็นข้อเตือนใจว่าการจะเลือกซื้อเลือกกินอะไรที่มองไม่เห็นและไม่สามารถชิมได้ เช่น ขนมเทียน และแตงโม มีความเสี่ยงเสมอที่จะได้ไส้เค็ม และไส้ล้ม (ในกรณีของแตงโม)

ทุกทีเวลาที่ผมป่วยนั้น ผมจะรู้สึกว่าการมีอาการที่เป็นปกติธรรมดานั้นเป็นความสุขที่สุดและเป็นความโชคดีที่สุดแล้ว ซึ่งในที่สุดแล้วสุภาษิตที่ว่า “ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” นั้นเป็นเรื่องจริงอย่างที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่พอหายป่วยแล้วก็มักจะลืมความคิดเหล่านี้ไปหมดสิ้นและใช้ชีวิตอย่างไม่ระมัดระวังทุกที

No comments:

Post a Comment